โปรโมทเว็บไซต์คุณกับแอดยิ้มวันนี้ กระจายโฆษณาของคุณ สู่เว็บไซต์คุณภาพ

บทความล่าสุด

บัตรเครดิต สินเชื่อ ภาษี ธุรกิจ การลงทุน หุ้น ทองคำ การเงิน บัญชี

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

4 ยอดนักธุรกิจ มือทองระดับโลก

นักธุรกิจระดับโลก 10 คน เป็นที่เลื่องลือจนนิตยสาร Newsweek ยกย่องขึ้นหน้าปก เป็นความเก่งเหนือชั้นและความรู้ที่หาตัวจับได้ เพราะบางคนเกิดมาเพื่อเป็นยอดนักธุรกิจโดยอาจมีพื้นฐานจากครอบครัวทำให้มี โอกาสพัฒนามากขึ้น

วันนี้ขอยอดผู้นำมาแค่ 4 คน โอกาสข้างหน้าอาจจะน้ำเสนอมากกว่านี้ เพราะวิธีการมือโปรระดับโลก ซึ่งมีข้อคิดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่คิดจะสร้างธุรกิจด้านต่างๆ ให้เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วได้ไม่น้อย
 

เจ้าพ่ออินเทอร์เน็ต

นักธุรกิจในบริษัทขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จทั้งๆ ที่บางคนแทบจะไม่มีพื้นความรู้ด้านธุรกิจ ไม่พอยังเรียนหนังสือไม่จบก็มี แต่กลับเก่งกว่าคนที่เรียนสูงๆ หรือมีประสบการณ์แต่เป็นคนเฟื่องด้านอินเทอร์เน็ต เช่น มาซาโตชิ คูมากาชิ ที่เรียนไม่จบมัธยมปลาย ต้องมาบริหารงานของบิดา ตอนนั้นเขาอายุแค่ 17 ปี แต่ต้องปกครองลูกน้อง 30-40 ปี ซึ่งเขาก็ลองผิดลองถูกตามประสาเด็กอ่อนหัดในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้เขาคือ CEO วัย 41 ปี แห่ง GMO อินเทอร์เน็ต ที่มีมูลค่าถึง 15,000 ล้านบาท ถึงจะได้กำไรในปีที่แล้วถึงร้อยละ 33 คิดเป็นเงินถึง 1,100 ล้านบาท คูมากาชิ ใช้กลยุทธ์ว่า อินเทอร์เน็ตสำหรับทุกคน เป็นการบริการให้กับลูกค้าแทบจะทุกด้าน เข้าทำนองเป็น One-Stop Service โดยเขามีตลาดอินเทอร์เน็ตถึงหนึ่งในสามของญี่ปุ่น และเป็นบริษัทอันดับ 11 ของประเทศ

เขาเริ่มธุรกิจอินเทอร์เน็ตขนาดเล็กเมื่อ 10 กว่าปี แต่คิดได้ว่าแค่บริษัทเล็กๆ คงทำอะไรยาก เมื่อคู่แข่งมีทั้งบริษัทขนาดใหญ่เล็กไม่น้อย เขาจึงเปลี่ยนเป็นอินเทอร์เน็ตให้บริการส่วนบุคคลและบริษัท พร้อมกับหาพันธมิตร โดยให้แต่ละบริษัทดำเนินกิจการของตนเอง GMO ตอนนี้จึงมีบริษัทในเครือ 22 แห่งโดยเขามีเป้าหมายว่า จะลงทุนที่ช่วยให้บริษัทในเครือสามารถดำเนินกิจการด้านนี้อย่างมียุทธวิธี และขยายเว็บไซต์ให้แก่ผู้ที่เข้ามารับบริการให้ได้มากที่สุด

ในอนาคตเขาจะพัฒนาอินเทอร์เน็ตโดยเน้นธุรกิจและการเงิน ซึ่งมีแววว่าจะเป็นที่ต้องการของตลาดสูง เขายังมองการณ์ไกลไปกว่านั้นว่า ควรจะลงทุนด้านอื่นๆ ที่มีศักยภาพ โดยเขามีหุ้นในธนาคารหลายแห่งที่ให้กู้ยืมเงินดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะบริษัทเว็บไซต์จำนวนไม่น้อยไม่มีเงินลงทุนในการดำเนินกิจการ เขาจึงอยากให้บุคคลเหล่านี้ได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากบ้างด้วยการให้กู้ยืมไปทำ ธุรกิจด้านนี้ นอกจากนี้ เขาเขียนหนังสือขายดีถึง 126,000 เล่ม ชื่อ With One Notebook Your Dream Will Always Come True ซึ่งเล่าถึงชีวิตการทำธุรกิจของเขาอย่างมีระบบมีแผนการทำงานเมื่อสิบปีก่อน จนถึงปัจจุบัน

เขาบอกว่า การทำอะไรต้องมีวิสัยทัศน์ที่จะทำอะไรในอนาคต และต้องมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจัง ความตั้งใจจะทำให้เราประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้กลไกตลาด คุมากาชิยกเรื่องความมุ่งมั่นต้องใจของเขาที่จะลดน้ำหนักที่เกินไป 10 กิโลกรัม เขาตั้งเป้าไว้ว่าต้องลดได้ปีละ 2 กิโลกรัม จนกว่าจะครบตามที่ตั้งใจ และเขาก็ทำได้อย่างที่หวัง จะเห็นได้ว่านักธุรกิจหนุ่มคนนี้มีพลังใจเกิน 100 ส่วนพลังความสามารถเกินอายุ GMO อินเทอร์เน็ตของเขาถึงครองตลาดอินเทอร์เน็ตญี่ปุ่นอย่างก้วางขวางและบริษัท ตั้งอยู่บนชั้น 11 บนตึกโตเกียวสูงเฉียดฟ้า







เจ้าพ่อภัตตาคาร

ฮวน โฮเซ่ กูเตียร์เรซ มองการณ์ไกลเรื่องอาหาร และคิดว่าไม่มีที่ไหนจะดีเท่ากับเอเชีย เพราะอาหารละตินแบบประเทศเขาจะใกล้เคียงกับคนแถบนี้โดยเฉพาะไก่ที่นิยมกิน กันเกือบทุกประเทศ เขารู้ดีว่าอาชีพนี้เสี่ยง แต่เขาก็อยากเสี่ยง แม้เคยล้มเหลวมาแล้วก็ตาม

เขารับช่วงกิจการ Pollo Compero (ไก่ชาวบ้าน) ตอนอายุ 16 ปี เพราะพ่อตายตอนเรือบินตก หลังจากนั้นอีก 8 ปี เขาคิดว่าควรจะขยายธุรกิจไปในอเมริการ โดยเปิดภัตตาคารในไมอามี แต่ต้องเลิกกิจการแค่ปีเดียว เพราะรายได้ไม่คุ้มรายจ่าย เพราะ
1. ไม่เข้าใจว่าคนในแถบนั้นต้องการอะไร
2. ค่าแรงสูง
3. มีคนงานเข้าออกสูงเกินไป

เขาคิดว่าถ้าจะขยายกิจการก็ไม่ควรทำเอง แต่น่าจะออกมาเป็นแฟรนไชส์ (สาขา) และเขามีแฟรนไชน์ตั้งแต่ พ.ศ. 2533 ในอเมริกากลาง โดยยึดทำเลดีๆ เช่น ท่าอากาศยานกัวติมาลา ซิตี้ และ ซัน ซัลวาดอร์ เป็นต้น แต่กิจการไม่ถึงกับดีนักต่อมาท่าอากาศยานกัวเตมาลากลายเป็นตลาดไก่สำหรับ ชาวอเมริกันเพราะซื้อไก่ของเขากลับอเมริกากันมากมาย เพื่อไปแจกญาติสนิทมิตรสหาย

เขาเห็นว่าตลาดไก่รสชาติจัดจานแบบละตินของเขาคงจะขายได้ในอเมริกาเขาจึงเปิด ภัตตาคารในแคลิฟอร์เนียน ปรากฎว่ามีคนมาเช้าคิวซื้อไก่ Pollo Compero กว่า 6 ชั่วโมง ไม่พอภัตตาคารยังต้องเปิดจนถึงตี 3 และแค่ 47 วัน ก็ขายไก่ได้ถึง 41 ล้านบาท ก็เป็นการบอกกันปากต่อปากว่าอร่อย ทำให้เขาได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น

เขาขยายสาขาไปยังชุมชนละติน และไปยังตลาดอื่นๆ ในอเมริกาแม้จะเป็นชุมชนที่มีพวกละตินอเมริกาน้อยก็ตาม เขาก็อยากเสี่ยงดู ในที่สุดเขาเห็นว่าควรจะขยายตลาดในแถบเอเชีย โดยเฉพาะในสาธารณรัฐประชาชนจีน และ อินโดนีเชีย

เขามีแฟรนไชน์ภัตตาคาร 2 แห่งในอินโดนีเชีย โดยเขาไม่ต้องไปลงทุนอะไรถึง 2 ปี อย่างไรก็ตาม ด้วยวัย 47 ปี ลูก 4 คน เขาเชื่อว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนน่าเป็นตลาดใหญ่ได้และหวังจะเปิดร้านเกิน กว่า 500 ร้าน ในเชี่ยงไฮ้ เพราะมีประชากรมาก จึงมีอำนาจการซื้อสูง

เขาหวังว่าจะเป็นชาวละตินคนแรกได้มีร้านไก่ในสาธารณรัฐประชาชนจีน หลายคนอาจจะบอกว่า เขามีแฟรนไชน์ในอเมริกา ตั้งแต่ฮุสตัน ดัลลัส และนิวยอร์ค ถึง 196 สาขา มีคนทำงาน 7,000 คน รายได้ปีละ 1,200 ล้านบาท ยังไม่นับสาขาในกัวติมาลาหรือประเทศเพื่อนบ้านแถบละตินอีกต่างหาก

เขาบอกว่าถ้าเคนตักกี้ ฟราย ชิกเกนมีสาขาถึง 1,200 แห่ง แล้วทำไมเขาจะทำไม่ได้ก็ขนาดเคนตักกี้ฯ พยายามเจาะตลาดแข่งกับเขาในกัวเตมาลายังทำไม่สำเร็จ แม้การค้างขายในสาธารณรัฐประชาชนจีนจะไม่มีหลักประกันเรื่องลิขสิทธิ์ เขาก็กลัวจะมีการเลียนแบบขายไก่ Pollo Compero แต่ยังอยากเดินหน้าต่อไป รวมทั้งรู้ดีกว่านี้ว่าภัตตาคารหลายชาติเปิดในสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อนหน้า นี้ไม่น้อย จนหลายประเทศขยาย

เขาไม่รู้ว่าอนาคตไก่ของเขาจะเป็นอย่างไร ถ้าจะต้องขาดทุน หรือล้มเลิกกิจการเขาก็ยอมรับ แต่ถ้าประสบความสำเร็จ เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนละตินเปิดตลาดใหญ่ของเอเชีย




เจ้าพ่ออิเล็กทรอนิกส์

หวง เฉิน กื้อ ได้ปริญญาเอกอิเล็กทรอนิกส์ และวิศวคอมพิวเตอร์จาก MIT แต่ความคิดของเขาก้าวหน้ามาก และเป็นผุ้บริหารมีวิสัยทัศน์ เขามักจะมองอนาคตว่าอีก 5-10 ปี ข้างหน้าว่าบริษัทซัมซุงควรจะแข่งกับตลาดโลกได้อย่างไร

ด้วยวัย 52 ปี หัวหน้าใหญ่ของบริษัทซัมซุงผู้มีความคิดริเริ่มตลอดเวลา เขาย้ำว่าการทำธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ต้องตื่นตัวทันต่อเหตุการณ์และทัน หรือล้ำหน้าคู่แข่งเสมอถึงจะไปรอดได้ดี

เขาสามารถทำให้บริษัทซัมซุงขึ้นมาผงาด และนำหน้าในประเทศญี่ปุ่น ตอนผลิตแรมชิบได้ถึง 256 เมกกะไบต์ ทำให้ประเทศเกาหลีใต้นำเทคโนโลยีญีปุ่น (ตอนนั้น) และด้วยการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างน่ามหัศจรรย์ของซัมซุง ทำให้ IBM ซีเมนส์ โตชิบา รวมหัวกันเพื่อปกป้องไม่ให้ซัมซุงครองตลาดธุรกิจชิบหรือให้พ้นไปจากวงจรแต่ ก็ยากจะล้มเขาได้

เขารู้ดีว่าคู่แข่งแต่ละกลุ่มมีฝีมือและสมรรถภาพสูง จึงพยายามพัฒนาชิบให้ดีที่สุด เพื่อสินค้าของซัมซุงจะได้เหนือกว่าใคร โดยเฉพาะด้านมือถือ และกล้องถ่ายรูปดิจิทัล รวมทั้งชิบความจำที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งซัมซุงประสบความสำเร็จจนได้ครอง ตลาดมือถือ และกล้องถ่ายรูปดิจิทัล

ความสำเร็จนี้ต้องยกให้เขา ที่เป็นนักธุรกิจที่กล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่คนอื่นอาจจะมองข้ามไป เขาบอกว่าถ้าเรายึดอยู่กับเทคโนโลยีปัจจุบัน ก็จะถูกลบออกไปจากวงการ

เมื่อปี พ.ศ. 2543 เขาผลักดันให้บริษัทซัมซุงลงทุนในการผลิตชิบความจำซึ่งสามารถเก็บข้อมูลได้ มูลค่ามหาศาล แม้ตอนแบตเตอรี่หมดถึงแม้จะมีบุคลากรหลายคนในบริษัทไม่เห็นด้วยโดยให้เหตุผล ว่ามันเสี่ยงเกินไป และจำนวนเงินลงทุนก็สูงมาก

แต่เขาก็เชื่อว่าโทรศัพท์มือถือจะเป็นตลาดที่ไปได้ดี หากใช้ชิบความจำซึ่งเก็บข้อมูลได้แม้ถ่านจะหมด บริษัทเห็นจำนวนเงินที่ลงทุน ก็ไม่แน่ใจว่าตลาดมือถือจะขายได้ดีตามหวัง อย่างไรก็ตาม เขาก็ทำให้โทรศัพท์มือถือที่มีชิบความจำกับกล้องถ่ายรูปดิจิทัลทำเงินให้กับ บริษัทเกือบ 2 หมื่นล้านบาท และทำท่าจะขายได้ดีขึ้นไปอีก

เขาจึงเป็นนักบริหารมือทองที่สามารถนำบริษัทซัมซุงด้านอิเล็กทรอนิกส์เหนือกว่าหลายบริษัท



 

เจ้าแม่นักธุรกิจ

เธอเป็นผู้หญิงที่โดดเด่นในคูเวต ประเทศซึ่งผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีบทบาทในธุรกิจเท่าไรนัก แต่ มาฮาร์ อัล-กูมาอิม ผู้หญิงผู้ทรงอำนาจด้านธุรกิจของคูเวต โดยเธอมีตำแหน่งบริหารมากมาย เช่น รองประธานกรรมการบริหารของ Global Investment House ซึ่งมีวงเงินลงทุน 60,000 ล้านบาท

เธอเป็นนักบริหารที่เก่งกาจเป็นดาวดวงเดิมของวงการธนาคารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 และขยายกิจการไปยังบาร์เรน นอกจากนี้ เธอทำให้หุ้นของคูเวตได้เป็นที่รู้จักทั่วโลก ทำให้ต่างชาติสนใจมาลงทุนในคูเวตอย่างต่อเนื่อง การที่เธอทำงานในธนาคารและเป็นกรรมการลงทุนมากมาย จึงเป็นหญิงที่มีความชำนาญด้านการเงิน การธนาคาร ลงทุน และเศรษฐกิจที่น่าจับตามองอีกคน

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ที่มีน้ำใจช่ว่ยเหลือสังคม ด้วยการเป็นกรรมการบริหารของ Kuwait ’s Young Arab Leaders Project ซึ่งก่อตั้งโดย World Economic Forum ในสวิตเซอร์แลนด์ที่ให้หมุ่มสาวชาวอาหรับได้เป็นผู้นำตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น เพื่อเป็นกำลังสำคัญของชาติบ้านเมืองต่อไป

เธอเป็นบุคคลมีคุณค่าในวงการธุรกิจในคูเวตไม่พอ ยังเป็นผู้ที่ช่วยให้หนุ่มสาวชาวอาหรับได้รู้ว่าธุรกิจได้ก้าวหน้าไปอย่างไร ในยุคสารสนเทศ

นักธุรกิจระดับโลกทั้ง 4 ท่านนี้จึงเป็นบุคคลตัวอย่างที่นักธุรกิจทั้งหลายน่าจะยึดเป็นแบบอย่างใน ความมีวิสัยทัศน์ น้ำใจ กล้าทำในสิ่งสร้างสรรค์ และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค์

อุปสรรคคือพลัง พลังที่จะแก้ในสิ่งผิด และไม่ทำผิดพลาดซ้ำซาก และยังต้องเป็นคนใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ใฝ่หาสิ่งใหม่เพื่อธุรกิจ จะได้ทันคู่แข่ง ทันต่อวงการ โดยเฉพาะในภาวะแข่งขันสูง ซึ่งใครล้าหลังก็ต้องตกเวทีไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น