โปรโมทเว็บไซต์คุณกับแอดยิ้มวันนี้ กระจายโฆษณาของคุณ สู่เว็บไซต์คุณภาพ

บทความล่าสุด

บัตรเครดิต สินเชื่อ ภาษี ธุรกิจ การลงทุน หุ้น ทองคำ การเงิน บัญชี

วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

QE2 นโยบายผลิต แบงค์กงเต๊ก ที่คุณควรรู้

"QE2" ตอนนี้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลก เนื่องจากลึกๆแล้ว หัวใจของนโยบายนี้ก็คือ "การเปลี่ยนเงินดอลล่าห์ให้เป็นแบงค์กงเต๊กนั่นเอง!!" (อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่า เงินดอลล่าห์จะไร้ค่า "ไม่ใช่" มันคงไม่ถึงขั้นไร้ค่า แต่มันจะลดมูลค่าลงมากนั่นเอง)

ผมนั่งคุยกับ เพื่อนๆในวงการธนาคารด้วยกันตั้งแต่ตอนเกิด Sub-prime ใหม่ๆ ตอนนั้นก็สงสัยกันว่า ปัญหาในตอนนั้นคือ คนอเมริกาส่วนใหญ่เป็นหนี้บ้าน และก็เกิดปัญหาสภาพคล่องทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็เริ่มเกิดเป็น Wave ของการ Default ในหนี้บ้าน จนลุกลามเป็นที่มาของปัญหา Sub-prime (ซึ่งถ้าสรุปหัวใจของวิกฤตคราวนี้ ก็คือ ระบบการเงินขาดสภาพคล่อง "เงินฝืด" นั่นเอง)

โมเดลธุรกิจแบบกลับหัวกลับหาง

  • คลับใน LA หลายแห่งเก็บเงินจากวงดนตรีที่มาแสดง แทนที่จะจ่ายค่าแรงที่ทำเป็นปกติ การมีเวทีแสดงนั้นสำคัญกว่าการได้ค่าแรงเสียอีก และถ้ามีฝีมือจริงก็มีโอกาสเปิดการแสดงหาเงินได้

วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

6 ขั้นตอนสู่อิสรภาพทางการเงิน

1) จัดทำบัญชี และงบการเงิน

การ เดินทางสู่อิสรภาพทางการเงินก็เหมือนกันกับการเดินทางทั่วไปที่ต้องมีแผนที่ นำทาง ดังนั้นก่อนจะเริ่มเดินทาง คุณเองควรจะรู้ก่อนว่า ปัจจุบันคุณอยู่ ณ จุดไหนของคำว่า “อิสรภาพทางการเงิน”

ลองจัดทำงบการเงิน

2) ตั้งเป้าหมาย และวางแผน

เริ่มต้นจากอิสรภาพทางการเงินขั้นพื้นฐาน 6 ประการ คือ
• เศรษฐกิจพอเพียง
• เก็บ 10 เปอร์เซ็นต์ (ของรายรับทั้งหมด)
• สำรองเงินไว้ใช้จ่าย (อย่างน้อย 6 เดือน)
• ประกันชีวิต สุขภาพ และอุบัติเหตุ
• เรียนรู้ตลอดชีวิต
• บริจาคตามกำลัง

ลอง พิจารณาดูว่าชีวิตของท่านบรรลุเป้าหมายพื้นฐานในแต่ละข้อข้างต้นหรือยัง ถ้ายังให้กำหนดหัวข้อเหล่านี้เป็นเป้าหมาย ที่สำคัญต้องกำหนดวิธีการ กรอบเวลา รวมถึงประเมินภาพในอนาคตไว้ด้วย

ส่วนใครที่มีอิสรภาพการเงินขั้นพื้นฐานแล้ว ก็อาจตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้นไปได้ ไม่ว่ากัน

8 นิสัยช่วยให้เป็น เศรษฐีเงินล้าน

"พฤติกรรม" และ "นิสัย" เป็นส่วนผสมที่ทำให้คุณเป็น"เศรษฐี"ได้ แต่ในเวลาเดียวกันพฤติกรรมและนิสัยบางอย่าง ก็บันดาล "ความยากจน" ให้กับคุณได้เหมือนกัน

หาก คุณลองหมั่นสังเกตนิสัยของบรรดาเศรษฐีทั้งที่อยู่รอบตัวเราและที่อยู่ห่าง ตัวหน่อย ก็จะเห็นว่าพวกเขามีลักษณะนิสัยที่คล้ายๆ กัน อาจจะมีรายละเอียดบางอย่างที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมจะค่อนไปในทางละม้ายคล้ายกัน

ในทางตรงกันข้ามพวกที่ไม่เคยถูกเรียกว่าเศรษฐี ก็มักจะมีนิสัยที่ถอดแบบกันมาเช่นกันทั้ง ฟุ่มเฟือย ฟุ้งเฟ้อ เกินตัว

ไม่ ใช่นิสัยหรือพฤติกรรมทุกอย่างของคนเรา ที่จะหนุนนำให้ทุกคนขึ้นบัลลังก์ของเศรษฐีได้ เวบไซต์เอ็มเอ็มแฮบบิทส์ดอทคอม ได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับ "8 นิสัยที่จะช่วยให้คุณเป็นเศรษฐีเงินล้าน" ลองสำรวจตัวเองดู บางทีคุณอาจจะมีนิสัยเหล่านี้ซ่อนอยู่ในตัวอยู่แล้วก็ได้

บางคนอาจ จะไม่มีเลย แต่ไม่เป็นไร นิสัยเหล่านี้สร้างและบ่มเพาะกันได้ หรือบางคนอาจจะแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนิดหน่อย แล้วนำนิสัยเหล่านี้มาประยุกต์ใช้อย่างไม่ยากเย็น

ลักษณะนิสัยทั้ง 8 ข้อจากนี้ไป เป็นเหมือนกฎขั้นพื้นฐานที่เศรษฐีเงินล้านส่วนใหญ่ทั่วโลกยึดถือและปฏิบัติ เพื่อสร้างรายได้ให้กับตัวเอง ซึ่งคนไทยทั่วไปสามารถนำไปใช้เป็นแบบอย่าง ช่วยให้ตัวเองเป็นเศรษฐีเงินล้านได้ ด้วยหนึ่งสมองและสองมือสองขาของเรานี่เอง

7 วิธีใช้จ่ายให้เงินเหลือออม

7 วิธีใช้จ่ายให้เงินเหลือออม (1-4)
คอลัมน์ Look Around ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 5-26 ธันวาคม พ.ศ. 2545 



7 วิธีใช้จ่ายให้เงินเหลือออม(1)

คอลัมน์ Look Around ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2545

โดย ธนนันท์

องค์ประกอบของรายจ่ายสำหรับคนทั่วไป ได้แก่
(1) รายจ่ายในชีวิตประ จำวันเพื่อการดำรงชีพ อาทิ อาหาร ที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ซึ่งหากรายได้มีไม่เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายก็จำเป็นต้องกู้ยืมมาใช้จ่าย จึงเกิดหนี้สินที่จะต้องชำระคืนพร้อมดอกเบี้ย การก่อหนี้ของคนส่วนใหญ่มักเกิดจาก
(2) ซื้อที่อยู่อาศัย
(3) เช่าซื้อรถยนต์
(4) อุปโภคและบริโภค ที่สำคัญคือการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งหลังจากหักรายจ่ายข้างต้นแล้ว รายได้ส่วนที่เหลือจึงเป็นเงินที่ออมไว้ใช้จ่ายในอนาคต และเพื่อให้เงินออมนี้มีผลตอบแทนจึงควรใช้จ่ายโดย
(5) ซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่จะมีราคาสูงขึ้นในระยะต่อไปแทนการถือเงินสด
(6) ใช้จ่ายลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงและหรือ
(7) ใช้จ่ายลงทุนในตราสารทุน

ในวิชาเศรษฐศาสตร์การใช้จ่ายเงินสร้างความพึงพอใจให้กับมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายเพื่อสิ่งที่จำเป็นหรือไม่จำเป็น แต่ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันบังคับให้เราต้องใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้นจึงจะมีเงินเหลือออม ดังนั้น เพื่อให้บรรลุวัตถุ ประสงค์ทั้งสองประการจึงควรมีการบริหารจัดการรายจ่ายทั้ง 7 วิธีข้างต้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้หลักประหยัดและประโยชน์ในการใช้จ่ายประจำวันที่ยังคงสร้างความพึงพอใจเท่าเดิม

ส่วนการก่อหนี้ก็จะต้องเป็นการก่อหนี้ที่ดี โดยนำไปใช้จ่ายให้ได้สิ่งที่ต้องการ และสามารถชำระคืนหนี้ตามภาระผูกพันทั้งในส่วนของเงินต้นและดอกเบี้ยได้

สำหรับการใช้จ่ายลงทุนด้วยเงินออมก็จะต้องบริหารให้ได้รับผลตอบแทนสูงกว่าการเสื่อมค่าของเงินจากภาวะเงินเฟ้อ และให้มีจำนวนมากเพียงพอกับความต้องการใช้ตามวัตถุประสงค์เฉพาะอย่าง ซึ่งคนทั่วไปมักต้องการใช้จ่ายซื้อที่อยู่อาศัย การศึกษาของบุตร และการใช้จ่ายหลังเกษียณอายุ โดยใช้กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งก็คือการลงทุนรูปพีระมิด

5 นิสัยทางการเงินที่ควรแก้ไข

5 นิสัยทางการเงินที่ควรแก้ไข

๑.ผลีผลามลงทุน
กระโจนเข้าซื้อหุ้นร้อนทันทีที่เพื่อนหรือโบรกเกอร์เชียร์ เพราะหวังว่าจะทำกำไรระยะสั้น!!!
ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เพราะฟังผู้รู้บอกว่าเป็นช่องทางที่หยิบยื่นกำไรอันงดงามให้!!!!
ไม่พูดพร่ำทำเพลง เห็นราคาทองวิ่งฉิว เลยขอร่วมแจม เพราะอยากได้กำไรจากการขยับตัวขึ้นของราคาทองคำ!!!
เหล่า นี้รึเปล่า ที่เป็นพฤติกรรมการลงทุนของคุณ แล้วท้ายสุด ต้องมานั่งเก๊กซิมกับผลที่ออกมา เพราะฤทธิ์แต่ผลีผลามเข้าไปลงทุนโดยไม่ศึกษาให้รู้และเข้าใจอย่างถ่องแท้
นิสัย การลงทุนแย่ๆ แบบนี้ ใครๆ ก็เป็นได้ โดยมากเมื่อปล่อยให้ความโลภเข้ามาครอบงำเมื่อไหร่ รับรองได้เลยว่าคุณจะผลีผลามเข้าลงทุนอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
ถ้าปีจอ ทั้งปี คุณยังลงทุนด้วยพฤติกรรมแบบนี้ อย่าปล่อยให้ปีหมูซ้ำรอยปีจอ เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการวางแผนลงทุนอย่างมีสติมากขึ้น เช่น ปีนี้ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่ต้นปีว่าก่อนลงทุนคุณจะไตร่ตรองอย่างละเอียด ศึกษาทุกรายละเอียดอย่างถ่องแท้ ให้รู้ลึกรู้จริง ก่อนจะตัดสินใจควักเงินลงทุน
หรือปีนี้ตั้งใจจะรื้อปรับขยับพอร์ตใหม่ วางมือจากพวกปั่นหุ้นเก็งกำไร หวือหวาผาดโผน ก็ลองศึกษาหาความรู้เจาะลึกหุ้นพื้นฐานให้เยอะเข้าไว้ เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ด้วยพอร์ตที่สดใสกว่าเดิม
ไม่เพียงเลิกนิสัยผลีผลาม เข้าลงทุนเท่านั้น แต่ควรจะเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการศึกษาหาช่องทางการลงทุนใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นตราสารอนุพันธ์ หรือพวกกองทุนคอมมูนิตี้ ไปจนถึงศึกษาการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ เช่น การลงทุนทางออนไลน์

4 ยอดนักธุรกิจ มือทองระดับโลก

นักธุรกิจระดับโลก 10 คน เป็นที่เลื่องลือจนนิตยสาร Newsweek ยกย่องขึ้นหน้าปก เป็นความเก่งเหนือชั้นและความรู้ที่หาตัวจับได้ เพราะบางคนเกิดมาเพื่อเป็นยอดนักธุรกิจโดยอาจมีพื้นฐานจากครอบครัวทำให้มี โอกาสพัฒนามากขึ้น

วันนี้ขอยอดผู้นำมาแค่ 4 คน โอกาสข้างหน้าอาจจะน้ำเสนอมากกว่านี้ เพราะวิธีการมือโปรระดับโลก ซึ่งมีข้อคิดที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่คิดจะสร้างธุรกิจด้านต่างๆ ให้เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วได้ไม่น้อย
 

เจ้าพ่ออินเทอร์เน็ต

นักธุรกิจในบริษัทขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จทั้งๆ ที่บางคนแทบจะไม่มีพื้นความรู้ด้านธุรกิจ ไม่พอยังเรียนหนังสือไม่จบก็มี แต่กลับเก่งกว่าคนที่เรียนสูงๆ หรือมีประสบการณ์แต่เป็นคนเฟื่องด้านอินเทอร์เน็ต เช่น มาซาโตชิ คูมากาชิ ที่เรียนไม่จบมัธยมปลาย ต้องมาบริหารงานของบิดา ตอนนั้นเขาอายุแค่ 17 ปี แต่ต้องปกครองลูกน้อง 30-40 ปี ซึ่งเขาก็ลองผิดลองถูกตามประสาเด็กอ่อนหัดในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้เขาคือ CEO วัย 41 ปี แห่ง GMO อินเทอร์เน็ต ที่มีมูลค่าถึง 15,000 ล้านบาท ถึงจะได้กำไรในปีที่แล้วถึงร้อยละ 33 คิดเป็นเงินถึง 1,100 ล้านบาท คูมากาชิ ใช้กลยุทธ์ว่า อินเทอร์เน็ตสำหรับทุกคน เป็นการบริการให้กับลูกค้าแทบจะทุกด้าน เข้าทำนองเป็น One-Stop Service โดยเขามีตลาดอินเทอร์เน็ตถึงหนึ่งในสามของญี่ปุ่น และเป็นบริษัทอันดับ 11 ของประเทศ

เขาเริ่มธุรกิจอินเทอร์เน็ตขนาดเล็กเมื่อ 10 กว่าปี แต่คิดได้ว่าแค่บริษัทเล็กๆ คงทำอะไรยาก เมื่อคู่แข่งมีทั้งบริษัทขนาดใหญ่เล็กไม่น้อย เขาจึงเปลี่ยนเป็นอินเทอร์เน็ตให้บริการส่วนบุคคลและบริษัท พร้อมกับหาพันธมิตร โดยให้แต่ละบริษัทดำเนินกิจการของตนเอง GMO ตอนนี้จึงมีบริษัทในเครือ 22 แห่งโดยเขามีเป้าหมายว่า จะลงทุนที่ช่วยให้บริษัทในเครือสามารถดำเนินกิจการด้านนี้อย่างมียุทธวิธี และขยายเว็บไซต์ให้แก่ผู้ที่เข้ามารับบริการให้ได้มากที่สุด

ในอนาคตเขาจะพัฒนาอินเทอร์เน็ตโดยเน้นธุรกิจและการเงิน ซึ่งมีแววว่าจะเป็นที่ต้องการของตลาดสูง เขายังมองการณ์ไกลไปกว่านั้นว่า ควรจะลงทุนด้านอื่นๆ ที่มีศักยภาพ โดยเขามีหุ้นในธนาคารหลายแห่งที่ให้กู้ยืมเงินดอกเบี้ยต่ำ โดยเฉพาะบริษัทเว็บไซต์จำนวนไม่น้อยไม่มีเงินลงทุนในการดำเนินกิจการ เขาจึงอยากให้บุคคลเหล่านี้ได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากบ้างด้วยการให้กู้ยืมไปทำ ธุรกิจด้านนี้ นอกจากนี้ เขาเขียนหนังสือขายดีถึง 126,000 เล่ม ชื่อ With One Notebook Your Dream Will Always Come True ซึ่งเล่าถึงชีวิตการทำธุรกิจของเขาอย่างมีระบบมีแผนการทำงานเมื่อสิบปีก่อน จนถึงปัจจุบัน

เขาบอกว่า การทำอะไรต้องมีวิสัยทัศน์ที่จะทำอะไรในอนาคต และต้องมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจัง ความตั้งใจจะทำให้เราประสบความสำเร็จ ขณะเดียวกันต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รู้กลไกตลาด คุมากาชิยกเรื่องความมุ่งมั่นต้องใจของเขาที่จะลดน้ำหนักที่เกินไป 10 กิโลกรัม เขาตั้งเป้าไว้ว่าต้องลดได้ปีละ 2 กิโลกรัม จนกว่าจะครบตามที่ตั้งใจ และเขาก็ทำได้อย่างที่หวัง จะเห็นได้ว่านักธุรกิจหนุ่มคนนี้มีพลังใจเกิน 100 ส่วนพลังความสามารถเกินอายุ GMO อินเทอร์เน็ตของเขาถึงครองตลาดอินเทอร์เน็ตญี่ปุ่นอย่างก้วางขวางและบริษัท ตั้งอยู่บนชั้น 11 บนตึกโตเกียวสูงเฉียดฟ้า



วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ผู้สร้าง Facebook.com


รวยระดับโลกตั้งแต่หนุ่มโดยไม่โกงใคร  แต่ยังเช่าอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ 
และขี่จักรยานหรือไม่ก็เดินไปทำงานทุกวันในทุกวันนี้